วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการถ่ายภาพน้ำตก

คุณอยากถ่ายภาพน้ำตกให้พลิ้วไหวดังแพรไหม หรือถ่ายภาพให้เหมือนภาพที่ช่างภาพมืออาชีพถ่ายบ้างหรือเปล่า? ความลับของมืออาชีพในการถ่ายภาพน้ำตกคือการเปิดชัตเตอร์ทิ้งไว้ (อย่างน้อยหนึ่งหรือสองวินาที) แล้วน้ำก็จะเคลื่อนไหวในขณะที่อย่างอื่น (เช่น หินและต้นไม้ต่าง ๆ ที่ล้อมรอบน้ำตกหรือสายน้ำ) ยังคงหยุดนิ่ง สิ่งที่คุณเคยทำ คือ ปรับที่โหมด Shutter Priority (ตัวอักษร S หรือโหมด Tv) แล้วตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ 1 หรือ 2 วินาที หากคุณถ่ายภาพน้ำตกในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเล็กน้อยและปิดชัตเตอร์ทิ้งไว้จะทำให้แสงเข้ามาข้างในมากเกินไป จนทำให้ภาพเป็นสีขาวไปทั้งหมด ตามช่างภาพมืออาชีพมา แล้วทำตามวิธีดังต่อไปนี้ (1) เขาถ่ายภาพน้ำตกเหล่านี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือหลังพระอาทิตย์ตก เมื่อมีแสงน้อยลง หรือ (2) ใช้ฟิลเตอร์ Stop-down ซึ่งเป็นฟิลเตอร์ที่ทำให้มืดเป็นพิเศษที่จะช่วยกันไม่ให้แสงเข้าไปในกล้องของคุณ ด้วยวิธีนี้คุณสามารถเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ได้ครู่หนึ่ง แสงเล็กน้อยที่เข้ามาก็จะไม่ทำให้ภาพเสียไป และคุณก็จะได้ภาพน้ำที่พลิ้วไหวดั่งแพรไหม ตอนนี้หากคุณไม่มีฟิลเตอร์ Stop-down ให้คุณเข้าไปที่น้ำตกหรือลำธารที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า (และมีแสงเงาลึกเข้าไป) คุณสามารถทำเอฟเฟ็กต์ได้ดังนี้ คือ ตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง ปรับและตั้งค่าโหมด Aperture Priority ให้สูงที่สุดเท่าที่เลนส์จะทำได้ (ประมาณ f/22 หรือ f/36) ซึ่งจะปล่อยใข้ชัตเตอร์เปิดได้นานขึ้นกว่าปกติ แล้วคุณก็จะได้น้ำที่ดูนุ่มนวลดั่งแพรไหมเช่นกัน

เคล็ดลับการถ่ายภาพน้ำตก คือ ขณะที่คุณถ่ายภาพน้ำตก หากคุณไม่มีฟิลเตอร์ Stop-down ให้ใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ เข้าไปแทนเพื่อ (1) ตัดแสงสะท้อนในน้ำตกและบนหิน และ (2) ทันทีที่มืดลงมันจะกลืนแสงประมาณ 2 Stop ให้คุณ ดังนั้นคุณถึงสามารถถ่ายให้มีแสงยาวกว่า และการเลือกความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าก็จะทำให้น้ำพลิ้วดั่งแพรไหม คุณควรลองความเร็วชัตเตอร์ที่ต่างกัน (4 วินาที, 6 วินาที, 10 วินาที เป็นต้น) แล้วดูว่าแบบไหนให้ผลการถ่ายภาพได้ดีที่สุด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น